มีเหตุผลบางประการว่าทำไม การทำ Intermittent Fasting (การอดอาหารเป็นช่วง) ถึงไม่ได้ผลสำหรับบางคน ถึงแม้ว่าจะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักและปรับปรุงสุขภาพโดยรวมสำหรับหลายคน
1. เน้นที่การลดน้ำหนักอย่างเดียว
- แม้ว่าเป้าหมายหลักของหลายคนที่ทำ Intermittent Fasting คือการลดน้ำหนัก แต่ประโยชน์อื่นๆ เช่น การปรับปรุงการตอบสนองต่ออินซูลิน (ลดภาวะการดื้อต่อฮอร์โมนอินซูลิน) และ การย่อยอาหารที่ดีขึ้น ก็ควรได้รับการพิจารณาด้วย หากโฟกัสแค่การลดน้ำหนักและไม่เห็นผลเร็วก็อาจทำให้รู้สึกผิดหวัง
- การทำ IF จริงๆแล้ว วัตถุประสงค์คือการดูแลสุขภาพ ส่วนน้ำหนักที่ลดลงอาจจะบอกว่าเป็นผลพลอยได้ก็ได้
2. เลือกอาหารไม่ถูกต้อง
- Intermittent Fasting ไม่ได้เกี่ยวกับแค่ เวลาที่เรากิน (Time to eat) แต่ยังเกี่ยวกับ สิ่งที่เรากิน (What to eat) การกินอาหารแปรรูป ขนมหวาน หรืออาหารที่มีไขมันไม่ดีในช่วงเวลาที่สามารถกินได้จะทำให้การลดน้ำหนักไม่ได้ผล ควรเน้นการเลือกกินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและมีประโยชน์ต่อร่างกาย
- จากประสบการณ์ข้อนี้ถือว่าเป็น “จุดตาย” ที่พบได้บ่อยในคนที่ทำ IF เพราะสนใจแต่เพียงเวลาของการทานโดยลืมมองถึงเรื่องของคุณภาพอาหารที่กิน
3. ช่วงเวลาของการทำ IF ไม่สม่ำเสมอ
- การอดอาหารอย่าง ไม่สม่ำเสมอ ทำให้ได้ผลลัพธ์ยาก การข้ามวันอดอาหาร การเปลี่ยนเวลาที่สามารถกินได้บ่อย หรือการทำตามโปรแกรมไม่สม่ำเสมอ อาจทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทันและลดประสิทธิภาพของการอดอาหาร
- เมื่อร่างกายเริ่มคุ้นเคยกับตารางชีวิตแล้ว การปรับเปลี่ยนทุกครั้งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนซึ่งต้องใช้เวลาในการปรับอีกครั้ง
4. ดื่มน้ำไม่เพียงพอ
- บางคนลืมดื่มน้ำให้เพียงพอในช่วงเวลาที่อดอาหาร ซึ่ง การขาดน้ำ สามารถทำให้ระบบเผาผลาญช้าลง ทำให้หิวมากขึ้นและรู้สึกเหนื่อยง่าย ควรดื่มน้ำให้เพียงพอหรือเครื่องดื่มที่ไม่มีแคลอรีในช่วงที่อดอาหาร
- การดื่มน้ำเย็นอย่างเพียงพอ ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญได้ถึง 30 kcal ต่อน้ำ 500 cc. ระบบนี้เรียกว่า Water-induced thermogenesis
5. โรคเดิมที่คุณมีอยู่แล้ว หรือมีแต่คุณอาจจะไม่รู้
- สภาวะสุขภาพบางอย่าง เช่น ภาวะไทรอยด์ต่ำ ความไม่สมดุลของฮอร์โมน ภาวะดื้อต่ออินซูลิน หรือ โรคทางเมตาบอลิซึม อาจส่งผลต่อการตอบสนองของร่างกายต่อการทำ Intermittent Fasting หากไม่ได้แก้ไขปัญหาพื้นฐานเหล่านี้ก่อน การอดอาหารอาจไม่ได้ผล
- ก่อนจะทำ IF ถ้าท่านได้มีการปรึกษาแพทย์ก่อน จะทำให้การวางแผนทำได้ดียิ่งขึ้น
6. ความเครียดและการนอนหลับไม่เพียงพอ
- ความเครียด และ การนอนหลับไม่เพียงพอ สามารถส่งผลกระทบต่อฮอร์โมน เช่น คอร์ติซอลและเกรลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมความหิวและการตอบสนองต่อความเครียด ระดับคอร์ติซอลที่สูงทำให้น้ำหนักขึ้น โดยเฉพาะในบริเวณหน้าท้อง และการนอนหลับไม่พอสามารถทำให้การควบคุมพลังงานและความอยากอาหารผิดปกติ
- การนอนหลับอย่างสนิท จะมีอัตราการเผาผลาญพลังงานอย่างน้อย 50-70 Kcal ต่อชั่วโมงเป็นอย่างน้อย
- การมีระดับฮอร์โมน Cortisol และ Growth Hormone ที่เหมาะสมจะทำให้การทำ IF เพิ่มพูนประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
7. ขาดการออกกำลังกาย
- การอดอาหารอาจช่วยลดปริมาณแคลอรีที่ได้รับ แต่การออกกำลังกายก็เป็นสิ่งสำคัญในการรักษามวลกล้ามเนื้อและการเผาผลาญ หากไม่มีการออกกำลังกาย ตัวสัดส่วนมวลของกล้ามเนื้อที่ลดลงหรือหายไปย่อมทำให้อัตราการเผาผลาญพลังงานลดลง
- สิ่งที่ควรทราบคือ “ถ้าร่างกายคุณมีมวลกล้ามเนื้อที่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว การทำ IF นอกจากจะไม่ได้ผลแล้ว อาจจะทำให้ระบบเผาผลาญคุณแย่กว่าเดิมได้” การเช็คสัดส่วนร่างกาย body composition ในวันเริ่มต้นทำ IF จึงมีส่วนสำคัญอย่างมาก
8. ความคาดหวังที่เกินจริง
- บางคนคาดหวังผลลัพธ์ที่รวดเร็วหรือชัดเจนจากการทำ Intermittent Fasting และรู้สึกท้อเมื่อไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การลดน้ำหนักและการปรับปรุงสุขภาพต้องใช้เวลา การรักษาความสม่ำเสมอและความอดทนเป็นสิ่งสำคัญ
สรุป
การทำ Intermittent Fasting เป็นวิธีที่นิยมเพื่อการลดน้ำหนักและปรับปรุงสุขภาพ แต่ไม่เหมาะสำหรับทุกคน กุญแจสำคัญของความสำเร็จคือการหาสมดุล เลือกกินอาหารที่ดี ดื่มน้ำเพียงพอ จัดการกับความเครียด ออกกำลังกาย และคงความสม่ำเสมอ หากการทำ Intermittent Fasting ไม่เห็นผล ลองพิจารณาปัจจัยเหล่านี้หรือทดลองวิธีการอื่นๆ ที่เหมาะกับตัวคุณและสภาพร่างกาย