หลายคนสงสัย และเคยเป็นอยู่บ่อยๆ ในการสะดุ้งตื่นตกใจกลางดึก ซึ่งก็งงกับตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้น จริงๆ แล้วการตื่นกลางคืนมีคนมากกว่า 35% ตื่นขึ้นมากลางดึกอย่างน้อย 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ อาจเกิดจากปัจจัยสิ่งแวดล้มดังต่อไปนี้ เช่น การกรนของคู่นอนของคุณ อุณหภูมิห้องที่ไม่เหมาะสม หรือเสียงต่างๆที่เกิดจากสภาพแวดล้อม
แต่การที่นอนสะดุ้งตื่นตกใจ หรือที่เรียกว่า Hypnic jerk อาการนี้จะเป็นเกือบทุกวัน และเป็นบ่อยในช่วงเวลาเดียวกัน ถ้าใครมีอาการแบบนี้ อาจมีปัญหาเรื่องการนอนหลับได้ แนะนำให้ลองปรึกษาแพทย์เพื่อทำการวินิฉัยต่อไป ในบทความนี้จะพามารู้จาก Hypnic jerk ตื่นผวา สะดุ้งตกใจ และโรคแทรกซ้อนต่างๆ ที่เชื่อมโยมกัยอาการนอนสะดุ้งตกใจกลางดึก
![](https://www.hackyourhealth.co/wp-content/uploads/2023/12/2-1400x788.jpg)
ทำความรู้จักกับอาการนอนกระตุก
อาการสะดุ้งกลางดึก หรือที่เรียกว่า Hypnic jerk เป็นการกระตุกของกล้ามอย่างน้อย1 มัด ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเราหลับไป มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในการนอนหลับระยะที่ 1 หรือ 2 และหายไปในระยะที่ 3 อาการกระตุกเกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อประเภทหนึ่งที่เรียกว่ากล้ามเนื้อไมโอโคลนัส (myoclonus) อีกนัยหนึ่งอาการ Hypnic jerk เกิดจาก ปัจจัยต่างๆ ด้วยเช่นกัน เช่น ปริมาณคาเฟอีนที่มากเกินไป ความเครียดทางร่างกาย และอารมณ์ ความรู้สึก
การลดความเครียดหรือเพิ่มความผ่อนคลายก่อนการนอนหลับอาจช่วยลดการเกิด Hypnic jerk ได้บ้างครับ เช่น การทำโยคะ การฝึกสติ (mindfulness) หรือการใช้เทคนิคการหายใจเพื่อผ่อนคลายลดความเครียดก่อนการนอนหลับ แต่ทั้งนี้ถ้ามีความกังวลหรือสงสัยเกี่ยวกับอาการที่เกิดขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อคำปรึกษา และข้อมูลที่เป็นประโยชน์เพิ่มเติมครับ
แล้วทำไมต้องตื่นกลางดึกทุกคืน?
การสะดุ้งบ่อยและการตื่นกลางดึกอาจมีสาเหตุหลายประการ อาจเกี่ยวข้องกับความเครียด วิตกกังวล หรือแม้แต่ความผิดปกติของการนอนหลับ เช่น หยุดหายใจขณะหลับ (sleep apnea) สาเหตุที่เป็นไปได้บางประการมีดังนี้
1. ความเครียด และความวิตกกังวล
ระดับความเครียด หรือความวิตกกังวล สามารถส่งผลเสียต่อร่างกาย ส่งผลต่อระบบกล้ามเนื้อ แระดูก ระบบทางเดินหายใจ ระบบหัวใจ หลอดเลือด และความเครียดที่สามารถทำให้คุณภาพการนอนแย่ลง ทำให้คุณไวต่อเสียงรบกวนvหรือสิ่งรบกวนระหว่างการนอนหลับมากขึ้น
2.ความผิดปกติของการนอนหลับ
สภาวะต่างๆ เช่น หยุดหายใจขณะหลับ (sleep apnea) ซึ่งการหายใจถูกขัดจังหวะระหว่างการนอนหลับ อาจทำให้ตื่นขึ้นอย่างกะทันหันได้ ความผิดปกติของการนอนหลับอื่นๆ เช่น อาการฝันผวาหรือความผิดปกติของพฤติกรรมการนอนหลับแบบ REM อาจทำให้เกิดการเคลื่อนไหวหรือส่งเสียงอย่างกะทันหันระหว่างการนอนหลับ
3. ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม
การเสียงดัง หรือการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของสภาพแวดล้อม (เช่น ความผันผวนของอุณหภูมิ หรือแสงไฟ) หรือแม้แต่การเคลื่อนไหวของคู่นอนก็อาจทำให้ตื่นตกใจได้
4. ยา และผลิตภัณฑ์อาหารเสริมอื่นๆ
ยา หรืออาหารเสริมบางชนิดอาจรบกวนรูปแบบการนอนหลับ และทำให้เกิดการตื่นสะดุ้งตอนดึกได้
5.อายุที่มากขึ้น
การตื่นนอนกลางดึกของคนวัยกลางคน หรือผู้สูงอายุจะมีแนวโน้มตื่นขึ้นในตอนกลางคืน และนอนหลับสั้นลง
6.ฮอร์โมน
การเปลี่ยบแปลงของฮอร์โมนอาจทำให้สะดุ้งตื่นในตอนกลางคืนได้ ตัวอย่างเช่นผู้หญิง ในระหว่างตั้งครรภ์ ระหว่างมีประจำเดือน หรือวัยหมดประจำเดือน
7.ไลฟ์สไตล์
ไลฟ์สไตล์ส่งผลต่อการนอนหลับได้เช่นกัน เช่นการเล่นหน้าจอมือถือก่อนนอนหลับ หรือคนที่สูบบุหรี่ก็ส่งผลต่อการนอนหลับเช่นกัน
ตัวอย่างโรคแทรกซ้อนอื่นๆเกี่ยวกับการนอนหลับ
1.ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea)
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับเป็นความผิดปกติของการหายใจที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับทั่วไปที่ขัดขวางการหายใจในเวลากลางคืนผู้ที่มีอาการนี้มักจะกรนอย่างหนัก และอาจตื่นขึ้นมาสําลักหรืออ้าปากค้าง โดยจะแบ่ง Sleep Apnea ได้ 2 ประเภทดังนี้
- ภาวะหยุดหายใจขณะหลับแบบอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea) (OSA)) เกิดขึ้นเมื่อเนื้อเยื่อในปาก และลําคอมีอาการอ่อนลง ซึ่งจะปิดกั้นทางเดินหายใจส่วนบน
- ภาวะหยุดหายใจขณะหลับส่วนกลาง (Central sleep apnea ((CSA)) ความผิดปกติที่บุคคลหยุดหายใจซ้ำๆ ในเวลากลางคืน เกิดขึ้นเมื่อสมองหยุดส่งสัญญาณไปยังกล้ามเนื้อที่ควบคุมการหายใจชั่วคราว
2. โรคลมหลับ (Narcolepsy)
เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับที่ทําให้รู้สึกเหนื่อยมากเกินไปในระหว่างวันแม้ว่าจะนอนหลับเพียงพอแล้วก็ตาม
3.กลุ่มอาการขาอยู่ไม่สุข (Restless Legs Syndrome(RLS))
ภาวะทางการนอนที่เกิดขึ้นเมื่อรู้สึกถึงความไม่สบาย หรือความกระวนกระวายในขาทั้งสอง เป็นอาการที่ทำให้รู้สึกว่าต้องการเคลื่อนไหวหรือเปลี่ยนท่าตัวเพื่อลดความไม่สบายอยู่ตลอดทั้งคืน
4.ความผิดปกติของการนอนหลับ (Parasomnias)
เป็นกลุ่มของพฤติกรรมการนอนหลับที่ผิดปกติซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ก่อนหลับ ระหว่างการนอนหลับ หรือในช่วงเปลี่ยนผ่านระหว่างการนอนหลับ Parasomnias พบได้บ่อยที่สุดในเด็ก แต่ก็ส่งผลกระทบต่อผู้ใหญ่เช่นกัน ซึ่งรวมถึงการเดินละเมอ การปัสสาวะในเตียง
5.Excessive Sleepiness (EDS)
สภาวะที่รู้สึกมีความต้องการที่จะนอนหลับมากเกินไปในช่วงเวลาของวัน คนที่มี EDS มักจะรู้สึกง่วงหรือต้องการที่จะหลับในช่วงเวลาที่ควรจะตื่นอยู่ แม้แต่หลังจากคุณได้นอนพักผ่อนเพียงพอในช่วงคืน
6.โรคนอนไม่หลับ (Insomnia)
เป็นอาการของภาวะนอนไม่หลับ หรือตื่นเช้าเร็วเกินไป และหลับต่อไม่ได้แล้ว หรืออาจเกิดจากความเครียด ความกังวล ภาวะซึมเศร้า หรือเป็นผลจากสภาวะทางร่างกายอื่นๆ
การวินิจฉัยโรคนอนไม่หลับเป็นอย่างไร?
การวินิฉัยขึ้นอยู่กับสถานการณ์โดยจะทำกาวินิฉัยดังต่อไปนี้
1.การตรวจร่างกาย
หากไม่ทราบสาเหตุของการนอนไม่หลับ แพทย์จะทําการร่างกาย เช่น การตรวจเลือดเพื่อตรวจหาปัญหาต่อมไทรอยด์หรือภาวะอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้องกับการนอนหลับไม่ดี นอกจากนี้ยังสอบถามคําถามเกี่ยวกับการนอนหลับต่างๆ หรือกรอกแบบสอบถามเกี่ยวกับการตื่นนอน และการนอนไม่หลับ
2.ทดสอบการนอนหลับ
แพทย์อาจตรวจการนอนหลับที่เรียกว่า polysomnogram อาจต้องให้ใช้เวลาทั้งคืนอยู่ที่ศูนย์การนอนหลับโดยเฉพาะ โดยจะมีเซ็นเซอร์บนหนังศีรษะ ใบหน้า เปลือกตา หน้าอก แขนขา และนิ้วเดียว เซ็นเซอร์ตรวจสอบการทํางานของคลื่นสมอง อัตราการเต้นของหัวใจ ระดับออกซิเจน และการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อที่เกิดขึ้นก่อน ระหว่าง และหลังการนอนหลับ
ส่วนการตรวจการนอนหลับที่บ้าน (Home Sleep Test) สะดวกสบายมากกว่า เพราะสามารถทำเองได้ที่บ้าน โดยจะใช้อุปกรณ์ตรวจวัดที่คล้ายกับหน้ากากหรืออุปกรณ์เพื่อประเมินการหลับในชั่วโมงปกติ ซึ่งใช้เซ็นเซอร์ จะะบันทึกข้อมูลต่างๆ เช่น ระดับออกซิเจนในเลือด การหายใจ การหลับดึก และการเคลื่อนไหวของร่างกายระหว่างการนอนหลับ โดยแพทย์จะทำการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ที่ได้รับการบันทึกข้อมูล
แนวทางการรักษา
การบำบัดด้วยวิธี CBT-I (Cognitive Behavioral Therapy for Insomnia)
เป็นการบำบัดเปลี่ยนวิธีทางความคิด และความเข้าใจพฤติกรรมที่เกี่ยวกับการนอน โดยนักจิตวิทยาที่ได้รับใบอนุญาต และไม่ใช้ยาเข้าช่วย จะเป็นการบำบัดด้วยวิทยาศาสตร์ของการนอนหลับร่วมกับหลักการทางจิตวิทยาเข้าร่วม
การใช้ยา
ยานอนหลับตามใบสั่งแพทย์สามารถช่วยให้นอนหลับ ได้ แต่แพทย์มักไม่แนะนําให้ใช้ยานอนหลับนานกว่า 2-3 สัปดาห์ แต่ยาหลายชนิดก็ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในระยะยาว
การรักษา Homeopathic
บางคนที่เป็นโรคนอนไม่หลับอาจสนใจที่จะทางเลือกอื่นๆ เช่น เมลาโทนิน หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โยคะ ฝังเข็ม หรืออโรมาเธอราพี
ขอบคุณข้อมูลจาก : Sleep foundation, Myoclinic