การเลือกฟิตเนสสำหรับการออกกำลังกาย

แน่นอนว่าการเลือกฟิตเนสสำหรับการเป็นสถานที่ออกกำลังกายของเราในเป้าหมายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การลดน้ำหนัก การสร้างกล้ามเนื้อ ล้วนต้องมีฟิตเนสเป็นหนึ่งในความคิดแรกๆอย่างแน่นอน วันนี้ผมจะมาลองแชร์มุมมองในการเลือกสถานที่ออกกำลังกายของเรากันว่าควรมีประเด็นใดบ้างครับ

โดยผมสรุปได้ทั้งหมด 5 ข้อ ดังนี้

1. ใกล้บ้าน หรือ ใกล้ที่ทำงาน

สถานที่เป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการออกกำลังกายของเราครับ อุดมคติที่สุดคือ อยู่ใกล้บ้าน (ใกล้แบบใช้เวลาไม่เกิน 10 นาทีในการเดินทาง โดยที่ไม่ว่าจะไปเวลาใดก็ไม่มีผลกระทบ เช่น สภาพรถติด) หรือใกล้ที่ทำงานมากๆ

ฟิตเนสที่ใกล้บ้านจะมีข้อดีมาก โดยเฉพาะในวันหยุด หรือวันเสาร์อาทิตย์ที่เราไม่ได้ไปทำงาน เราจะสามารถไปได้ง่ายขึ้น ข้ออ้างน้อยลง ส่วนถ้าใกล้ที่ทำงานก็จะดีในแง่ของการออกกำลังกายหลังเลิกงาน

2. ฟิตเนสมีหลายสาขา

การมีหลายสาขาถือเป็นข้อดีของฟิตเนสแบรนด์ใหญ่ๆครับ โดยเฉพาะ Fitness First หรือ Jetts โดยฟิตเนสค่าย Jetts นั้นสมาชิกมีรูปแบบเดียวและสามารถใช้ได้ทุกสาขาทั่วประเทศ และเปิด 24 ชั่วโมง เป็นจุดที่แข็งมากในกลุ่มที่เดินทางไปมาหลายจังหวัดอยู่บ่อยๆ หรือแม้กระทั่งอยู่ในกรุงเทพเองก็สลับสาขาไปมาตามความสะดวกของชีวิตได้ครับ ส่วนของ Fitness First จะมีแพคเกจที่หลากหลายมากกว่าต้องพิจารณาดีๆว่าเราเหมาะสมกับอันไหนครับ

3. ดูลักษณะการออกกำลังกายของเราเอง

ของพวกนี้อาจจะแบ่งได้ก่อน 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่เน้นคาร์ดิโอ (cardio) หรือกลุ่มที่เน้นเวทเทรนนิ่ง ถ้าเน้นคาร์ดิโอผมมักจะดูที่จำนวนลู่วิ่ง จำนวนที่ปั่นจักรยาน จำนวนเครื่องโยก โดยจะไปดูในช่วงที่ลูกค้ามาเล่นเยอะที่สุดและดูว่าต้องต่อคิวกันเล่นไหม ถ้าต้องต่อคิวตลอดในเวลาที่เราสะดวก ส่วนใหญ่จะกำหนดไว้ที่รอบละ 30 นาที ซึ่งจะทำให้เราเสียโอกาสในการทำคาร์ดิโอไปพอสมควร เพราะในบางจังหวะเราควรต้องทำนานกว่านั้นเช่น 40 หรือ 50 นาที

ถ้าสายคาร์ดิโอ เห็นแบบนี้อาจต้องลองเปลี่ยนฟิตเนสดูนะครับ ส่วนใหญ่ฟิตเนสแบรนด์ใหญ่ เครื่องคาร์ดิโอจะมีค่อนข้างเยอะมากเป็นข้อได้เปรียบ แต่คนก็จะเยอะมากตามกัน

ส่วนถ้าเป็นสายเวทเทรนนิ่ง ก็ต้องดูว่าชอบยกเวทกับเครื่อง (machine) หรือชอบแบบฟรีเวท (free weight) มากกว่า ก็ต้องไปดูว่าเครื่องมีคุณภาพดีไหมครับ ยี่ห้ออะไร การดูแลรักษา จำนวนเครื่องมีครบทุกมัดกล้ามเนื้อที่เราตั้งใจไว้ไหม ส่วนถ้าสายฟรีเวทก็ต้องมาดูพวกบรรดาม้านั่งต่างๆ (bench) ว่ามีเพียงพอหรือไม่

4. ชอบเข้าคลาสหรือไม่

ฟิตเนสที่มีคลาสเยอะๆ ก็มักจะมีคนเยอะตามไปด้วยโดยเฉพาะในชั่วโมงยอดฮิตคือตอนเย็น ยิ่งในช่วงโควิด การพบปะคนจำนวนมากในฟิตเนสอาจจะไม่ใช่ไอเดียที่ดีนัก ในกรณีนี้เราอาจต้องเปลี่ยนฟิตเนสหรือเลือกเวลาการมาออกกำลังกายที่ไม่ชนกันกับคลาสยอดฮิต

ข้อดีของการมีคลาสออกกำลังกายคือทำให้เรามีสังคม ซึ่งผมจะแนะนำให้ผู้เริ่มต้นออกกำลังกายในฟิตเนสที่มีคลาสนะครับ เพราะเราจะมีเพื่อน และคลาสมักจะมีการออกแบบไว้อย่างหลากหลายตามความหนักตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปานกลาง และเราจะได้มีโอกาสรู้จักกับเทรนเนอร์แบบไม่เป็นทางการด้วยครับ

ส่วนถ้าเราไม่ใช่สายคลาสเลย ฟิตเนสบางแห่งก็จะไปเน้นที่อุปกรณ์ที่ดีขึ้น พื้นที่คาร์ดิโอที่มากขึ้น และราคาแพคเกจอาจจะถูกลงครับ ต้องพิจารณากัน

5. เปรียบเทียบราคาและสัญญา

ผมมักจะมีกฎข้อแรกในการเลือกฟิตเนสเสมอคือ “ต้องไม่มีสัญญาผูกมัด” หรือถ้ามีก็ต้องในระยะเวลาที่สั้นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เริ่มต้นใหม่ เพราะการสร้างวินัยในตอนแรกเงินอาจจะไม่เพียงพอในการสร้างแรงใจให้เรา เดี๋ยวจะกลายเป็นเสียเงินไปเปล่าๆ ในช่วงโควิดนี้หลายๆฟิตเนสยกเลิกสัญญาผูกมัดไปหมดแล้ว และจ่ายกันเป็นเดือนต่อเดือนซึ่งเหมาะกว่ามากครับ

บทสรุป

ถ้าให้ผมเลือกเลยว่าจะไปออกกำลังกายในฟิตเนสที่ไหนดี ผมก็ขอตอบตามประสบการณ์ตรงของตนเองละกันนะครับ ผมได้ลองเล่นมาหลายที่แล้วแบบประจำ และด้วยความที่ชีวิตเดินทางไปมาหลายจังหวัดอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น ข้อพิจารณาของผมจะมี

  • ต้องมีในจังหวัดที่ผมอาศัยอยู่ และ ต้องอยู่ใกล้บ้าน อย่างกรณีของผมคือ กรุงเทพ และ ภูเก็ต
  • ผมชอบสายคาร์ดิโอ ดังนั้นลู่วิ่งต้องพร้อม และมีเพียงพอไม่ต้องแย่งกับใคร
  • อุปกรณ์ต้องทันสมัย ใหม่ ได้รับการดูแลตลอดเวลา มีอุปกรณ์ครบทุกมัดกล้ามเนื้อ
  • สัญญาไม่ผูกมัด จ่ายกันเดือนต่อเดือน

ทั้งหมดก็เลยมีอยู่แค่ตัวเลือกเดียวคือ Jetts fitness นั่นเองครับ ไม่ใช่ที่อื่นไม่ดีนะครับ แต่เพราะว่าฟิตเนสที่มีทั้ง 2 จังหวัดนี้มีเพียงที่นี่แห่งเดียวเท่านั้น หลังจากนี้จะมาคุยกันต่อเรื่อง Personal trainner นะครับ ว่าสำคัญหรือไม่อย่างไร

หมอโจ้ Hack your Health

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *