สารให้ความหวานแทนน้ำตาล มีอะไรบ้าง

สารให้ความหวานแทนน้ำตาลคืออะไร?

สารให้ความหวานแทนน้ำตาล (Artificial Sweeteners) เป็นสารเคมีที่ให้รสหวานเหมือนน้ำตาล แต่ให้พลังงานน้อยกว่าหรือไม่มีเลย มักใช้ในอาหารและเครื่องดื่มเพื่อทดแทนน้ำตาลทราย เหมาะสำหรับผู้ท่ีต้องการควบคุมน้ำหนัก ป้องกันโรคเบาหวาน หรือมีภาวะสุขภาพที่จำเป็นต้องจำกัดการบริโภค

ประเภทของสารให้ความหวานแทนน้ำตาล

  • ตามแหล่งที่มา:
    • ธรรมชาติ: เช่น หญ้าหวาน, หล่อฮั้งก๊วย, อิริทริทอล
    • สังเคราะห์: เช่น แอสปาร์แตม, ซูคราโลส, อะเซซัลเฟมเค
  • ตามกลไกการออกฤทธิ์:
    • ให้พลังงาน: เช่น ซอร์บิทอล, ไซลิทอล
    • ไม่ให้พลังงาน: เช่น แอสปาร์แตม, ซูคราโลส

กลไกการออกฤทธิ์

สารให้ความหวานแทนน้ำตาลส่วนใหญ่จะกระตุ้นต่อมรับรสหวานบนลิ้น แต่มีกลไกท่ีแตกต่างจากน้ำตาลทราย ดังนี้

  • จับกับต่อมรับรสหวานบนลิ้น ส่งผลให้สมองรับรูรสหวาน แต่ไม่กระตุ้นการหลั่งอินซูลิน
  • กระตุ้นระบบย่อยอาหาร ส่งผลให้รู้สึกอิ่ม
  • ส่งผลต่อแบคทีเรียในลำไส้ ส่งผลต่อการเผาผลาญ

เปรียบเทียบกับน้ำตาลทราย

ลักษณะน้ำตาลทรายสารให้ความหวานแทนน้ำตาล
รสหวาน150 – 300 เท่า
พลังงาน4 กิโลแคลอรี่ต่อกรัม0 – 2 กิโลแคลอรี่ต่อกรัม
ผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มไม่เพิ่ม
ผลต่อสุขภาพเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจควบคุมน้ำหนัก ป้องกันโรคเบาหวาน

ตัวอย่างสารให้ความหวานที่พบบ่อย

  • หญ้าหวาน: สารสกัดจากธรรมชาติ ให้ความหวาน 250 – 300 เท่าของน้ำตาลทราย ไม่ให้พลังงาน
  • ซูคราโลส: สารสังเคราะห์ ให้ความหวาน 600 เท่าของน้ำตาลทราย ไม่ให้พลังงาน
  • แอสปาร์แตม: สารสังเคราะห์ ให้ความหวาน 200 เท่าของน้ำตาลทราย ไม่ให้พลังงาน
  • ซอร์บิทอล: น้ำตาลแอลกอฮอล์ ให้ความหวาน 60% ของน้ำตาลทราย ให้พลังงาน 2.4 กิโลแคลอรี่ต่อกรัม

คำแนะนำสำหรับการใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาลอย่างปลอดภัย:

  • บริโภคในปริมาณที่เหมาะสม: องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้บริโภคสารให้ความหวานที่ไม่ให้พลังงานไม่เกิน 50 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน
  • เลือกประเภทที่เหมาะสม:
    • เด็ก: ควรหลีกเลี่ยงการใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล ยกเว้นกรณีที่มีภาวะสุขภาพที่จำเป็น
    • ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร: ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
    • ผู้ป่วยโรคเบาหวาน: ควรเลือกที่ไม่ส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด
  • อ่านฉลากอาหารและเครื่องดื่ม: ตรวจสอบปริมาณสารให้ความหวานท่ีใช้
  • เลี่ยงการบริโภคที่มากเกินไป: แม้จะให้พลังงานน้อยหรือไม่มี แต่การบริโภคที่มากเกินไปอาจส่งผลต่อสุขภาพ เช่น ท้องอืด ท้องเสีย ปวดศีรษะ
  • เลือกแหล่งที่มาท่ีน่าเชื่อถือ: เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ท่ีมีมาตรฐานจากแหล่งท่ีเชื่อถือได้

ข้อควรระวัง:

  • สารให้ความหวานบางชนิดอาจส่งผลต่อสุขภาพ เช่น
    • แอสปาร์แตม: อาจส่งผลต่อระบบประสาท
    • ซูคราโลส: อาจส่งผลต่อแบคทีเรียในลำไส้
  • สารให้ความหวานบางชนิดอาจไม่เหมาะกับทุกคน เช่น เด็ก ผู้หญิงท่ีตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ผู้ป่วยโรคบางชนิด

ทางเลือกอื่นที่ไม่ใช่น้ำตาล:

  • น้ำตาลจากธรรมชาติ: เช่น น้ำผึ้ง น้ำตาลมะพร้าว (ควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม)
  • การลดปริมาณการบริโภคหวาน:
  • ตัวเลือกที่ไม่ให้พลังงาน: เช่น สารแต่งกลิ่น

สรุป: สารให้ความหวานแทนน้ำตาลเป็นทางเลือกที่ช่วยควบคุมน้ำหนัก ป้องกันโรคเบาหวาน และลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังอื่นๆ แต่ควรบริโภคอย่างปลอดภัยในปริมาณท่ีเหมาะสม เลือกประเภทท่ีเหมาะกับสุขภาพ และอ่านฉลากอาหารก่อนบริโภค

หมายเหตุ: ข้อมูลท่ีนำเสนอเป็นข้อมูลทั่วไป ควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสารให้ความหวานแต่ละประเภทก่อนการบริโภค

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *