ในยุคแห่งการค้นหาแผ่นดินใหม่เมื่อราวๆ 500 ปีที่แล้ว (Age of Discovery) ไม่ว่าจะเป็น วาสโก ดา กามา (Vasco da Gama) นักเดินเรือชาวโปรตุเกสที่สามารถนำเรืออ้อมแหลมกู๊ดโฮปจนผ่านมาถึงมหาสมุทรอินเดียได้เป็นครั้งแรก หรือจะเป็นเฟอร์ดินานด์ แมคเจลแลน (Ferdinand Magellan) ที่พากองเรือวนรอบโลกได้สำเร็จเป็นครั้งแรก ความสำเร็จที่คนทั่วโลกรับทราบคือการค้นพบดินแดนใหม่ๆ
แต่ไม่ว่าจะครั้งใดๆก็ตาม หรือไม่ว่านักเดินเรือคนนั้นจะเก่งแค่ไหน ลูกเรือของพวกเขาเกินครึ่งหนึ่งของที่ออกจากบ้านมาในตอนต้นกลับไปไม่ถึงบ้านของพวกเราในตอนจบ นั่นคือสิ่งที่แพทย์หลายคนปวดหัวในเวลานั้น
โดยการเดินทางแต่ละครั้งของพวกเขาล้วนกินเวลาหลายปี เมื่อเวลาผ่านไปนานขึ้น ลูกเรือก็ค่อยๆเสียชีวิตลงโดยที่ไม่มีใครทราบว่าเพราะอะไร โดยที่สาเหตุที่จบชีวิตพวกเขาลงก่อนวัยอันควรนั้น ไม่ใช่ จากการถูกฆ่า ติดเชื้อโรค หรือ ไม่มีอาการกินจนตาย
แต่เป็นเพราะว่าพวกเขา “ขาดวิตามินซี” จนตาย
จุดเริ่มต้นของเรื่องราว
เรื่องราวของวิตามินซีดูเป็นเรื่องที่ไม่น่าตื่นเต้นอะไรสำหรับในโลกยุคปัจจุบันอีกต่อไป เพราะรู้สึกว่ามันหาได้ง่ายและก็มีอยู่ทุกที่ แต่กลับเป็นเรื่องราวที่ใหญ่โตจนพรากชีวิตคนเรือไปมากกว่า 2 ล้านคนในช่วงยุคแห่งการค้นหาผืนแผ่นดินใหม่ทั่วโลก (ค.ศ. 1500 – ค.ศ. 1800)
แล้วการขาดวิตามินซี มันทำให้เราตายได้เลยเหรอ คำถามที่ไม่น่าจะเกิดในคนยุคนี้ แต่เป็นคำถามที่คนยุคก่อนยังหาคำตอบไม่ได้
วิตามินซี คืออะไร
วิตามินซี (Vitamin C) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์เรียกว่า Ascorbic acid เป็นสารที่สำคัญในร่างกาย เป็นวิตามินที่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ได้เอง โดยกรดแอสคอร์บิกจะไปอยู่ในกระบวนการต่างๆ ของร่างกายจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระบวนการสังเคราะห์คอลลาเจนขึ้นมา ซึ่งคอลลาเจนถือว่าเป็นเนื้อเยื่อเกี่ยวพันในร่างกายที่มีความสำคัญในทุกๆส่วน ไล่มาตั้งแต่ หลอดเลือด กล้ามเนื้อ ผิวหนัง เส้นเอ็น กระดูก หรืออื่นๆ อีกมากมาย
การขาดวิตามินซี
การขาดวิตามินซี (Vitamin C Deficiency) จะทำให้ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์คอลลาเจนขึ้นมาได้ (วัถตุดิบต้นทางคือกรดอะมิโนไลซีนและโพรลีนจะถูกนำไปสร้างเป็นคอลลาเจนผ่านเอนไซม์ Hydroxylase ที่มีวิตามินซีเป็นโคแฟคเตอร์ที่สำคัญ) เมื่อมีแต่วัตถุดิบแต่ไม่มีคนปรุงอาหาร ก็เช่นเดียวกันคือร่างกายก็สร้างคอลลาเจนไม่ได้นั่นเอง
เมื่อคอลลาเจนไม่พอในร่างกาย อวัยวะที่ต้องใช้คอลลาเจนในการคงรูปร่างก็จะสูญเสียคุณสมบัตินั้นไป ทำให้เกิดการแตก หัก หลุดของอวัยวะนั้นๆ เช่น หลอดเลือดก็จะแตกได้ง่ายขึ้น การสร้างกระดูกก็จะมีปัญหาแตกหักได้ง่ายขึ้น ฟันก็จะไม่แข็งแรงเหงือกอ่อนแอ เลือดออกตามไรฟัน แผลเกิดแล้วหายได้ยาก ผิวแห้ง และสุดท้ายอวัยวะภายในก็จะล้มเหลวในที่สุด
ลักปิดลักเปิด (Scurvy)
อาการขาดวิตามินซีจนเกิดโรคแล้วเสียชีวิตในที่สุดมีชื่อที่เรียกว่า “Scurvy” หรือภาษาไทยว่า “ลักปิดลักเปิด” โรคนี้บันทึกอาการและประวัติทางการแพทย์มายาวนานหลายพันปี แต่กว่าที่มนุษย์จะมาทราบสาเหตุจริงๆก็ปาเข้าไปปี ค.ศ.1747 ที่นายแพทย์ James Lind แพทย์ประจำเรือ HMS Salisbury ของราชนาวีอังกฤษ ค้นพบจากงานวิจัยของตนเองว่า การให้ลูกเรือได้รับ “ส้ม” และ “มะนาว” ในเวลานั้นสามารถทำให้อาการลักปิดลักเปิดที่เริ่มเกิดในลูกเรือของเรานั้นดีขึ้นและหายไปได้ ก่อนที่ความรู้นั้นจะถูกพัฒนามาจนถึงปัจจุบัน
และนี่ก็คือเรื่องราวส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ทางการแพทย์ที่อยู่ท่ามกลางท้องทะเลนั่นเองครับ
เราต้องการวิตามินซีวันละกี่รัม และขาดได้นานสุดกี่วัน
ปัจจุบันการขาดวิตามินซีเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมาก เนื่องจากวิตามินซีนั้นพบได้ทั่วไปในผักทั่วไปเช่น บลอคโคลี คะน้า หรือพวกกลุ่มผลไม้เปรี้ยวๆเช่น ส้ม มะนาว เบอรี่ต่างๆ และปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวันขั้นต่ำก็ไม่มากเพียงราวๆ 65-90 มิลลิกรัมต่อวันสำหรับผู้ใหญ่ โดย 65-90 มิลลิกรัม/วัน นั้นเทียบเท่ากับส้มโดยประมาณ 2 ลูกนั่นเองครับ
และกว่าที่เราจะมีอาการขาดวิตามินซีเราต้องไม่ได้รับวิตามินซีใดๆเลยอย่างน้อย 4 สัปดาห์ขึ้นไปซึ่งไม่น่าพบได้ในยุคปัจจุบันอีกแล้ว
แต่ขอเสริมอีกนิดนึงว่าเรื่องของวิตามินซีนั้นปัจจุบันถือว่าเป็นเรื่องใหญ่และมีการนำไปใช้ในแง่ของการป้องกันโรคอีกมากมายที่ไม่ได้พูดกันแค่ปริมาณขั้นต่ำที่ต้องทานเพื่อป้องกันโรคลักปิดลักเปิดอีกต่อไปแล้วครับ