ประกันการเดินทาง กับเรื่องที่บริษัทประกันอาจจะไม่อยากให้เรารู้ !!!

ประกันการเดินทาง กับเรื่องที่บริษัทประกันอาจจะไม่อยากให้เรารู้ !!! รวบรวมประสบการณ์เกี่ยวกับการใช้ประกันการเดินทางของตนเอง แรกๆเคลมไม่ได้เพราะเอกสารไม่พร้อม มาตอนนี้เคลมได้ถูกต้องในทุกกรณีที่ให้ไว้ เตรียมตัวไว้หลังยุคโควิด ได้เตรียมพร้อมเดินทางสำหรับโลกที่เปลี่ยนไป อย่าพึ่งซื้อประกันใดๆ หากยังไม่รู้ข้อมูลที่ผมจะนำมาเล่าเหล่านี้มาก่อน

ข้อควรพิจารณาก่อนการซื้อประกันการเดินทาง

  1. ซื้อประกันให้เกินกว่าวันเดินทางจริงเสมอ การซื้อประกันเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการเดินทางเป็นสิ่งที่จะเป็น โดยเราควรซื้อประกันการเดินทางให้เกินจากจำนวนวันเดินทางที่แท้จริงเสมอเพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน
  2. ซื้อประกันการเดินทางให้สอดคล้องกับประเทศหรือกิจกรรม หลายครั้งที่เมื่อเกิดเหตุการณ์แล้วไม่สามารถเคลมได้ เนื่องจากประเทศหรือกิจกรรมนั้นไม่อยู่ในรายละเอียดการคุ้มครองของกรมธรรม์  เช่น การปีนเขา เดินป่า กิจกรรมที่มีความเสี่ยงสุงทั้งชีวิตและทรัพย์สิน
  3. รายละเอียดการครอบคลุมค่าใช้จ่ายส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล ค่าขนย้ายผู้ป่วย ค่าดีเลย์ของสายการบิน  สัมภาระดีเลย์ การเสียชีวิต การขนส่งศพกลับประเทศ การยกเลิกการเดินทาง เป็นต้น
  4. ขอเอกสารเพื่อเป็นหลักฐานในการเคลมเสมอ ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจำเป็นที่จะต้องขอเอกสารเพื่อเป็นหลักฐานในการเคลมเสมอ ซึ่งควรเป็นภาษาอังกฤษ และขอเมื่อเกิดเหตุการณ์ทันที ไม่ควรขอย้อนหลังเนื่องจากเป็นไปได้ยาก
  5. บันทึกเบอร์ฉุกเฉินของแต่ละประเทศไว้ และควรเปิดโรมมิ่งไว้ เพื่อเตรียมพร้อมในการติดต่อตัวแทนกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

ประเภทของประกันการเดินทาง

โดยประเภทของประกันการเดินทาง แยกเป็น 2 ประเภท คือ

  1. ประกันรายทริป
  2. ประกันรายปี ในส่วนของประกันรายปี มักมีข้อกำหนดมากขึ้น อันได้แก่ จำนวนวันที่เดินทางในแต่ล่ะทริป เป็นต้น ซึ่งประกันการเดินทางจะครอบคลุมตั้งแต่วันที่ซื้อเดินทางจนกลับถึงจุดหมายปลายทาง โดยสามารถยกเลิกประกันก่อนการเดินทางได้กรณีที่ไม่สามารถเดินทางได้แล้วเพื่อขอเงินประกันคืน ในปัจจุบันหลายๆบัตรเครดิตมักครอบคลุมประกันการเดินทางมากแล้ว แต่จำเป็นที่จะต้องพิจารราประกอบร่วมว่าประกันดังกล่าวครอบคลุมในส่วนไหนบ้าง

ในการไปท่องเที่ยวกับบริษัททัวร์แนะนำให้เราพิจารณาประกันการเดินทางในส่วนนี้ด้วยว่าครอบคลุมอะไรบ้าง ซึ่งบริษัทประกันแต่ล่ะบริษัทมีความแตกต่างกัน ดังนั้น ควรเลือกบริษัทที่มีบริการ 24 ชั่วโมงเพื่อให้สามารถช่วยเหลือได้รวดเร็วที่สุด รวมทั้งข้อมูลทางด้านสังคมว่าบริษัทนั้นมีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน ระยะเวลาในการขอเคลมใช้เวลาเท่าใด จากสื่อหรือข้อมูลในช่องทางต่างๆ


สาเหตุที่ต้องทำประกันการเดินทาง

  1. โดยบังคับ เช่น การทำวีซ่า
  2. โดยสมัครใจ เพื่อป้องกันความเสี่ยงและค่าเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน รวมไปถึงการเสียชีวิต

หลักเกณฑ์ที่ประกอบการพิจารณาประกันการเดินทาง

  1. การป้องกันความเสี่ยงจากการเสียชีวิต
  2. การรักษาพยาบาลในต่างประเทศ ในประเทศที่พัฒนาแล้วการรักษาพยาบาลมีคราคาสูงมาก ปกติแล้วค่ารักษาพยาบาลควรอยู่ในระดับ 2-3 ล้าน  โดยโรงพยาบาลที่ใช้บริการควรเป็นสถานพยาบาลในเครือข่ายของประกันนั้น แนะนำให้โทรหาประกันเพื่อขอคำแนะนำ เรื่องสถานที่ โรงพยาบาลและการครอบคลุม
  3. การขนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉิน (Evacuation) 
  4. การส่งตัวกลับประเทศ (Repatriation) มักพบในกรณีที่ผู้ป่วยหนักมาก ซึ่งใช้จ่ายส่วนนี้สูงมาก ควร 3-4 ล้านบาทขึ้นไปเพื่อครอบคลุมทุกกรณี
  5. ขนย้ายศพกลับประเทศ
  6. การดีเลย์การเดินทาง เช่น รถไฟดีเลย์ รถบัสดีเลย์ เที่ยวบินดีเลย์ ที่ส่งผลให้แผนการเดินทางเปลี่ยนไป เหตุผลหลักที่สามารถเคลมประกันได้ เช่น สภาพอากาศเลวร้าย จากสภาพอากาศ ** หลักฐานสำคัญมาก ได้แก่ ตั๋วเครื่องบินหรือยานพาหนะเดิมก่อนและตั๋วใหม่จากการดีเลย์  หนังสือรับรองการดีเลย์จากสายการบิน กรณีขับรถ อาจจะใช้ภาพจากกรมทางหลวงที่แสดงวันเวลาชัดเจน รวมไปถึงค่าโรงแรม มักนับเวลาดีเลย์เป็นชั่วโมง (ระยะเวลาสั้นยิ่งดี)
  7. การยกเลิกการเดินทาง เกิดได้ 2 กรณี ยังไม่ได้เดินทาง และยกเลิกเนื่องจากมีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
  8. สัมภาระสูญหาย/ถูกบุกรุก จี้ปล้น ฉกชิงสิ่งราว มีการทำร้ายร่างกาย แจ้งความแล้วนำใบแจ้งหนี้มาเป็นหลักฐานในการประกอบการเคลมได้ จะต้องไม่ได้เกิดจากความประมาทเลินเล่อ
  9. สัมภาระล่าช้าของสายการบิน ในประเทศที่สายการบินยังไม่ดีนักเดินทางควรแบ่งสัมภาระเป็น 2 ส่วนในสัมภาระที่พกติดตัว  ทันทีที่ทราบว่าสัมภาระล่าช้าต้องให้เจ้าหน้าที่สายการบินออกเอกสารรับรองว่าสัมภาระล่าช้าเพราะเหตุใดกี่ชั่วโมง กรณีที่จำเป็นที่จะต้องซื้อสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ จะต้องเก็บใบเสร็จไว้ทุกครั้งและมูลค่าจะต้องสมเหตุสมผล
  10. สัมภาระเสียหายของการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นจากสายการบินหรือพนักงานโรงแรม ให้ถ่ายรูปสัมภาระทุกชิ้นไว้เสมอ รวมถึงหลักฐานการซื้อ หากเป็นไปได้ รวมทั้งขอเอกสารรับรองจากทางโรงแรมหรือสายการบินว่าเกิดความเสียหาย ทั้งนี้โดยปกติแล้ว สายการบินหรือโรงแรมจะรับผิดชอบเบื้องต้นให้ก่อนเสมอ และมักจะไม่ครอบคลุมสินค้าประเภทอิเลคทรอนิกส์
  11. ค่าชดเชยความรับผิดชอบส่วนแรกสำหรับรถเช่า (Rental Vehicle Excess) ควรซื้อประกันชั้นหนึ่ง  ทุกครั้งที่เกิดอุบัติเหตุหากไม่มีคู่กรณี ประกันมักสรุปว่าเหตุการณ์นั้นเกิดจากความประมาท เป็นเงินที่เราวางมัดจำไว้ก่อนโดยทางบริษัทประกันสามารถเรียกเก็บจากเราได้ ทั้งนี้เพื่อป้องกันการสำรองจ่ายล่วงหน้านั่นเอง

เมื่อมีอาการเจ็บป่วยควรทำอย่างไร

ค่ารักษาพยาบาลในต่างประเทศ สำคัญมาก เช่น ตัวอย่างค่ารักษาพยาบาลในต่างประเทศ พบแพทย์ผู้ป่วยนอกที่ญี่ปุ่น จ่าย 1-2 หมื่น เกิดต้องไปหัวใจล้มเหลวที่ญี่ปุ่น จ่าย 18 ล้านเยน หรือ 6 ล้านบาท

สมมติเหตุการณ์ต่อเราป่วยต้องทำอย่างไร

  • เช็คสถานพยาบาลในเครือข่าย
  • ควรวางแผนการเดินทาง + รพ ในเขตเมืองที่เราไปเที่ยว ไปอยู่ก่อนทุกครั้ง
  • ทำความเข้าใจ ระบบการจ่ายเงินของประกัน จะแบ่งเป็นแบบนี้ คือ OPD จ่ายก่อนเองทั้งหมด / IPD ไม่ต้องจ่าย เรียกว่า Fax claim

ถ้าเป็น OPD Case อาการไม่รุนแรง

  • สอบถาม รพ / คลินิก ในเครือข่าย
  • จ่ายเงินเอง + ขอใบรับรองแพทย์กลับมา
  • ให้ทาง รร / ที่พัก / ทัวร์ ช่วยจัดการเรื่องการเดินทางให้ได้

ถ้าเป็น Case emergency ฉุกเฉิน อุบัติเหตุ

  • โทรหาเบอร์ฉุกเฉินของประเทศนั้นๆก่อน เช่น ไทย 1669 / อเมริกา 911
  • ระหว่างนั้นให้ติดต่อ บ ประกันโดยโทรเข้า office เมืองไทยโดยด่วน
  • โทรผ่าน roaming
  • โทรผ่าน VOIP เช่น Viber/Skype ประหยัดเงินกว่า
  • บริษัทประกันจะช่วยประงานต่อในด้านนี้ให้

การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยกลับประเทศ

Evacuation การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉิน เช่น เฮลิคอปเตอร์ พวกคนเดินเขา เด่นชัดที่เนปาล

อันนี้แถม บางพื้นที่จะมีบริการขนย้ายเฉพาะซึ่งจะทำงานได้รวดเร็วกว่าเช่น Flying Doctor Africa ในคนที่ไปเที่ยวโซนแอฟริกาตะวันออก ซาฟารี คิลิมานจาโร

Repatriation การส่งตัวกลับประเทศ ในรูปแบบคนป่วยหรือศพคนตาย มี เครื่องบิน มีแพทย์ / ไม่มีแพทย์ เริ่มต้นที่ 7 หลัก 1/2/3/4 ล้านบาท


ปัญหาที่พบบ่อยเกี่ยวกับการใช้ประกันการเดินทาง

การดีเลย์การเดินทาง Connecting flight ล่าช้า รถบัสล่าช้า รถยนต์ล่าช้าทุกอย่างเคลมได้หมด แต่ต้องมีเอกสาร

เครื่องบิน ต้องมี เอกสารยืนยันจากสายการบิน ที่ระบุสาเหตุของความล่าช้า การแก้ไขปัญหาของสายการบิน อาหารที่พักที่ได้รับ ระยะเวลาของการรอคอย + boarding pass ตัวเก่า/ตัวใหม่ ห้ามทำหายเด็ดขาด (รถไฟ/รถยนต์ เอกสารเหมือนของเครื่องบิน)

กรณีเช่น อยู่ไอซ์แลนด์ ขับรถเที่ยว ติดพายุหิมะ (แต่เครื่องบินไม่ได้ดีเลย์) แบบนี้ก็เคลมได้แต่ต้องมี หลักฐานอื่นๆเช่น หลักฐานจากกรมอุตุนิยมวิทยา + กรมทางหลวงแจ้งว่า ถนนปิด เพื่อใช้อ้างอิง ในยุโรปหาหลักฐานไม่ยาก

ส่วนใหญ่ประกันจะคิดค่าเวลาที่ล่าช้าเป็นทุกๆ 6 ชั่วโมง ต้องครบ 6 ชั่วโมง ถึงจะสามารถเคลมค่าใช้จ่ายได้ ตัวอย่างคือ

  • ถ้า 0 – 5.59 ชั่วโมง ไม่ได้
  • ถ้า 6 – 11.59 ชั่วโมงได้ 1 ครั้ง
  • ถ้า 12 – 17.59 ชั่วโมงได้ 2 ครั้ง

ถ้ามีประกันการเดินทางจากบัตรเครดิตมาแล้ว ส่วนใหญ่บริษัทประกันจะถือว่าเราได้รับทางใดทางหนึ่งเท่านั้น


การยกเลิกการเดินทาง ต้องมีเหตุผลอันสมควร

  • การป่วยแบบฉุกเฉิน ต้องเป็นภาวะการป่วยที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว เช่น อุบัติเหตุ
  • ถ้าเป็นการป่วยไม่ฉุกเฉิน รู้มานานแล้วว่าป่วย แต่ต้องรักษาก่อนเดินทางกระทันหันแบบนี้อาจจะไม่ได้
  • ประกันจะชดเชยเงินที่จ่ายไปแล้วขอคืนไม่ได้ถ้าเราจำเป็นยกเลิกก่อนออกเดินทาง เหตุผลที่จะเคลมได้ ก็คือ เคสอาการเจ็บป่วย บาดเจ็บ หรือเสียชีวิตของเราเอง สมาชิกในครอบครัว หรือผู้ร่วมทริป เคสภัยธรรมชาติในจุดหมายที่จะไปหรือทำให้เที่ยวบินถูกยกเลิก เคสก่อการร้ายในจุดหมายที่เราจะไป เคสบริษัททัวร์ล้มละลาย เคสถูกเรียกให้ขึ้นศาล และอื่น ๆ อีกมากมายครับ
  • นอกจากนี้ยังมีความคุ้มครองการลดเวลาเดินทาง เช่น ถ้าเรามีแพลนเที่ยว 10 วัน ผ่านไปแล้ว 2 วันเราต้องรีบกลับบ้านด่วน ประกันการเดินทาง (travel insurance) ก็จะชดเชยเงินที่เราจองไปแล้วของ 8 วันที่ไม่ได้เที่ยวต่อ รวมถึงค่าเครื่องบินกลับบ้านด้วย
  • เวลาถ้าซื้อกรมธรรม์เป็นรายทริป เลือกจำนวนเผื่อๆไว้จะดีกว่า +1 +2 วัน ราคากรมธรรม์แทบไม่เปลี่ยน

สัมภาระสูญหาย

ต้องเป็นการถูกจี้ปล้น ต่อหน้าต่อตาเท่านั้น !!! มีใบแจ้งความจากสถานีตำรวจ ถ้าไม่ใช่ภาษาอังกฤษต้องนำมาแปลก่อนด้วยตนเอง

สัมภาระเสียหาย โดย ใครบางคนเช่น โรงแรมยกกระเป๋าทำพลาด กระเป๋าพัง > ต้องมีหลักฐานจากโรงแรม

แบบไหนที่เคลมไม่ได้ เช่น ทิ้งสัมภาระไว้ที่ชายหาดหรือริมสระว่ายน้ำ แล้วโดยขโมย ทิ้งสัมภาระไว้ที่สถานีรถไฟ หรือป้ายรถเมล์ แล้วลืม กลับมาอีกทีของหาย ทิ้งสัมภาระไว้ในสถานที่ท่องเที่ยวขณะที่เราเดินเล่นหรือกำลังถ่ายรูป และโดนขโมยของ ฝากของไว้ที่คนแปลกหน้า และโดยขโมยไป โดนขโมยโดยไม่รู้ตัว ไม่สามารถเคลมได้


สัมภาระถูกบุกรุกเข้ามาเพื่อขโมยของ (Break-ins)

  • ไม่ว่าจะเป็นการบุกเข้ามาในห้องโรงแรม หรือบุกเข้ามาในรถ จะได้รับความคุ้มครอง แต่กระนั้นก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข
  • ถ้ามีหลักฐานว่า สิ่งที่หายไปนั้น ส่วนหนึ่งมาจากการประมาทเลินเล่อของเราเอง ประกันมีสิทธิ์ไม่จ่าย อาทิ หากเราไม่ใช้ระบบรักษาความปลอดภัยที่มีของโรงแรม ไม่ล็อกประตู ไม่ปิดหน้าต่าง จนคนเข้ามาขโมยได้ หรือ เราเอาที่ลืมของมีค่าไว้ในรถค้างคืน จนของหาย สิ่งเหล่าเป็นเครื่องพิสูจน์ชัดว่า เราเลินเล่อ และอาจเป็นช่องให้ประกันเดินทางไม่จ่ายได้นั่นเอง

สัมภาระล่าช้า

  • ทันทีที่ทราบว่ากระเป๋าล่าช้า ให้ทางสายการบินออกหนังสือรับรองการล่าช้าทันที
  • สายการบินต้องออกหนังสือรับรองอีกครั้งทันที่ทีเราได้สัมภาระแล้ว หรือหลักฐานทางอ้อมอื่นๆ เช่น หลักฐานการคุยทางข้อความ หลักฐานทางโทรศัพท์
  • ถ้าเป็นสิ่งของจำเป็นที่เราต้องซื้อระหว่างใช้ชั่วคราวเช่น เสื้อผ้า กางเกงใน ของอุปโภคบริโภค ต้องเก็บใบเสร็จไว้เพื่อใช้อ้างอิง

สัมภาระเสียหายระหว่างโดยสายการบิน

ถ่ายรูปกระเป๋า/สัมภาระ ก่อนเดินทางเสมอ ถ้ามีหลักฐานราคาของกระเป๋าที่ซื้อมา ถือว่าดีมาก

ทันที่ได้รับกระเป๋ามา และพบว่ากระเป๋าพัง ให้แจ้งที่เคาท์เตอร์รับผิดชอบของสายการบิน เราต้องได้ใบรับรองมาว่าพังส่วนไหน เพื่อใช้ในการเคลมตอนกลับมาเมืองไทย

แต่ถ้าพังรุนแรง จำเป็นต้องซื้อใบใหม่ ซื้อใบใหม่ในราคาที่เหมาะสม (ไม่ใช่ Rimowa) เก็บใบเสร็จไว้มาอ้างอิง

ในกรณีของกระเป๋าเช็คอิน หรือ กระเป๋าเดินทางโหลดใต้เครื่องหาย นั้น หากเกิดความเสียหาย หรือข้าวของหายไปจากกระเป๋าเดินทาง หรือทั้งกระเป๋าหายไป อย่างแรกแนะนำให้เรียกแค่สินไหมทดแทนจากสายการบินก่อนนะครับ เพราะถือว่ากระเป๋าเสียหายหรือสูญหายในขณะที่อยู่ในการดูแลของสายการบิน หลังจากนั้นจึงมาเคลมประกันเดินทางต่อ ซึ่งประกันเดินทางจะคุ้มครองครับ แต่จะมี

สิ่งของบางชนิดที่ไม่รวมอยู่ในรายการที่คุ้มครองนะครับ โดยสิ่งของที่ส่วนมากประกันเดินทางจะไม่คุ้มครองมีดังนี้

  • กล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์กล้องถ่ายรูป
  • แล็ปท็อป
  • โทรศัพท์มือถือ
  • เครื่องคอมพิวเตอร์
  • แท็บเล็ต
  • เครื่องประดับ
  • เงินสดและบัตรเครดิตต่างๆ
  • เอกสารเดินทาง
  • เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ

ประกันการเดินทางกับเรื่องการเช่ารถ การชดเชยความรับผิดส่วนแรกสำหรับรถเช่า (Rental Vehicle Excess)

ค่าเสียหายส่วนแรก (Excess) นั้นเป็นค่าเสียหายส่วนที่เราจำเป็นต้องจ่ายออกไปเองก่อนเมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้น

ส่วนทางด้านของ Excess นั้น จะเป็นค่าเสียหายส่วนแรก (ภาคบังคับ) ที่กำหนดในเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัย โดยจะเรียกเก็บก็ต่อเมื่อเกิดเหตุที่ไม่สามารถระบุคู่กรณีได้ เช่น

  • รถถูกขีดข่วน/กลั่นแกล้ง
  • หินหรือวัสดุใด ๆ กระเด็นใส่
  • เฉี่ยวกิ่งไม้/สายไฟฟ้า/ลวดหนาม
  • รถตกหลุม/ครูดกับพื้นถนน
  • เหยียบตะปู/วัสดุมีคม/ยางฉีก
  • รถถูกละอองสีหรือวัสดุใด ๆ หล่นมาโดน

เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้เอาประกันแจ้งเคลมกับบริษัทประกันภัยโดยไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นจริงด้วยการหวังจะได้สิทธิประโยชน์ในการเอารถไปซ่อม หรือ อีกทางหนึ่งคือป้องกันไม่ให้เราขับรถด้วยความประมาท เพราะชะล่าใจว่ามีประกันแล้ว ยังไงบริษัทประกันก็ต้องจ่ายให้ เราจะแจ้งเคลมหรือซ่อมเมื่อไหร่ก็ได้ เป็นต้น

ซึ่งค่าเสียหายส่วนแรกนี้ เรามักเรียกว่า Excess ซึ่งเราต้องดูในกรรมธรรม์ของรถเช่าด้วยครับว่ามีการระบุจำนวน ค่าเสียหายส่วนแรก นี้เป็นจำนวนเท่าไหร่

ต้องเช็คกับสัญญาการเช่ารถของเรา ว่า ค่าเสียหายส่วนแรกคิดไว้ในสัญญาเท่าไร และมาเทียบดูกับยอดการชดเชยในกรมธรรม์อีกครั้งครับ


การยกเลิกประกันการเดินทาง

  • โดยปกติประกันการเดินทางจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ซื้อ เช่น การยกเลิกการเดินทางกระทันหันด้วยเหตุผลฉุกเฉิน
  • แต่ถ้าไม่มีเหตุการณ์ใดๆ แต่เรายกเลิกทริปเอง เราสามารถขอเคลมค่าประกันการเดินทางได้กับตัวแทนที่เราทำ

ประกันการเดินทางไม่ครอบคลุมอะไรบ้าง??

  • สภาวะความเจ็บป่วยที่มีอยู่ก่อนแล้ว (Pre – Existing conditions) ประกันการเดินทางจะไม่ให้ความคุ้มครอง ในกรณีที่ผู้เอาประกันมีอาการที่ได้รับการวินิจฉัย และ ได้รับการรักษาในช่วงเวลาหนึ่งมาก่อนที่ประกันการเดินทางจะมีผลคุ้มครอง (60-180 วันก่อนการคุ้มครอง) นอกจากนี้ หากคุณมีอาการเจ็บป่วยระหว่างการเดินทาง แต่เป็นความเจ็บป่วยที่เกิดก่อนการเดินทาง แต่ไม่ได้แจ้งให้บริษัทประกันรับทราบ บริษัทประกันสามารถปฏิเสธความคุ้มครองได้
  • ความเสียหายจากการดื่มเครื่องดื่มมึนเมาจนขาดสติ
  • ยกเลิกทริปด้วยเหตุผลที่ไม่เพียงพอ
  • ในทริปมีการทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงในชีวิตและทรัพย์สินสูง อาทิ การกระโดดร่ม (skydiving) การดำน้ำลึก (scuba diving) บันจีจัมพ์ (bungee jump) อย่างไรก็ตาม ก็ขึ้นอยู่กับยโยบายของแต่ละบริษัทประกันด้วยครับว่าจะทำการคุ้มครองกรณีเหล่านี้หรือไม่
  • ไม่ปฏิบัติตามตามคำแนะนำจากหน่วยงานของรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเดินทางไปในประเทศที่มีความเสี่ยงจากการประกาศจากทางรัฐบาลประเทศนั้นๆ
  • อาการปวดฟัน

**คำถามบางคำถามที่มีคำตอบในนี้**

  • 0:35​ ประกันการเดินทาง (Travel Insurance) คืออะไร ทำไมต้องซื้อประกัน
  • 1:54​ ทำไมถึงต้องซื้อประกันการเดินทาง

**สิ่งที่ประกันการเดินทาง (มักจะ) ครอบคลุม**

  • 2:10​ กรณีเสียชีวิตที่ต่างประเทศ
  • 2:36​ การเจ็บป่วยที่ต่างประเทศ (ผู้ป่วยใน/ผู้ป่วยนอก)
  • 4:03​ การขนย้ายผู้ป่วยข้ามประเทศ/เคลื่อนย้ายฉุกเฉิน
  • 6:24​ การเดินทางล่าช้าด้วยเหตุสุดวิสัย
  • 8:24​ การยกเลิกการเดินทาง

**เรื่องของสัมภาระ**

  • 9:38​ สัมภาระสูญหาย
  • 10:37​ สัมภาระถูกบุกรุกเข้ามาเพื่อขโมยของ
  • 11:13​ กรณีสัมภาระล่าช้า
  • 12:27​ สัมภาระเสียหายจากการเดินทาง เช่น ระหว่างเก็บบนเครื่องบิน

**เช่ารถขับต่างประเทศ**

  • 14:49​ การชดเชยความรับผิดส่วนแรก

**ประกันการเดินทางไม่ครอบคลุมเรื่องใดบ้าง**

  • 17:00​ กิจกรรมที่ไม่ครอบคลุม
  • 17:50​ โรคประจำตัวที่เป็นมาก่อนเดินทางแล้ว
  • 19:31​ การดื่มสุราจนมีอาการมึนเมา
  • 19:48​ กิจกรรมเสี่ยงภัย
  • 20:04​ อาการปวดฟัน

**เรื่องอื่นๆ**

  • 20:47​ การยกเลิกประกันการเดินทาง
  • 22:10​ ซื้อประกันภัยกับบริษัทไหนดีที่สุด
  • 23:40​ สรุปเรื่องประกันการเดินทางใน 5 ข้อ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *