ว่าด้วยเรื่องประโยชน์ของโกโก้ เครื่องดื่มที่ใครๆต่างก็พากันเลิฟฟฟ

โกโก้อาหารที่มาจากธรรมชาติที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย โดยผลิตมาจากต้นโกโก้ (Theobroma cacao) ซึ่งต้นไม้ชนิดนี้ส่วนใหญ่อยู่ในแอฟริกา อเมริกาใต้ และอเมริกากลาง ซึ่งโกโก้นั้นได้มาจากฝักของต้นโกโก้ และนำมาผ่านกระบวนการหมักก่อน หลังจากนั้นนำมาแปรรูปจนกลายเป็นช็อกโกแลต ซึ่งสารอาหารของโกโก้นั้นจะเต็มไปด้วยสารอาหาร เช่น สารต้านอนุมูลอิสระ

ความแตกต่างระหว่างช็อกโกแลต และโกโก้

โกโก้เป็นรูปแบบของเมล็ดโกโก้ที่ผ่านการแปรรูป โดยทั่วไปจะอยู่ในรูปแบบผง และมีรสหวานไม่หวาน ขมๆ นอกจากนี้โกโก้เป็นส่วนประกอบสําคัญในผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลตเป็นส่วนใหญ่ แต่ในทางกลับกัน ช็อกโกแลตเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีรสหวาน และมักมีเนื้อครีมซึ่งทำจากโกโก้ พร้อมกับส่วนผสมอื่นๆ เช่น น้ำตาล และนม โกโก้ใช้เป็นส่วนผสมในสูตรอาหารต่างๆ แต่ช็อกโกแลตเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป โดยมีให้เลือกมากมายหลายรสชาติ เช่น ช็อกโกแลตนม ไวท์ช็อกโกแลต ดาร์กช็อกโกแลต ทั้งนี้ทั้งก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคล

ประโยชน์ของโกโก้

เต็มไปด้วยโพลีฟีนอล (Polyphenol)  โดยโพลีฟีนอลนั้นเป็นสารประกอบที่พบตามธรรมชาติในพืชเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (พบว่าโกโก้นั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ในอันดับสูง) ช่วยในเรื่องความดันโลหิต การไหลเวียนโลหิตได้ดี นอกจากนี้ยังช่วยควบคุมคอเลสเตอรอล และน้ำตาลในเส้นเลือดได้อีกด้วย

ช่วยบำรุงสมอง เพราะ โพลีฟีนอล (Polyphenol) ในโกโก้จะเป็นตัวช่วยในการทำงานของระบบประสาท และสมอง

เพิ่มการเผาผลาญ โพลีฟีนอลในโกโก้จะช่วยเพิ่มการเผาผลาญในร่างกายได้ดีขึ้น เนื่องจากโกโก้ช่วยให้ระบบย่อยอาหารได้ดียิ่งขึ้น

อุดมไปด้วยแร่ธาตุที่สําคัญ เช่น แมกนีเซียม และธาตุเหล็ก ผงโกโก้เพียงช้อนโต๊ะเดียวก็สามารถมีแมกนีเซียมถึง 10% ของความต้องการในแต่ละวัน ซึ่งแมกนีเซียมจําเป็นสําหรับกระบวนการหลายๆ อย่างในร่างกาบ รวมถึงปฏิกิริยาความสมดุลของน้ําตาลในเลือด การย่อยอาหาร และการเสริมสร้างโปรตีน

ทริคสำหรับทานโกโก้

วิธีทานโกโก้ที่ดีต่อสุขภาพคือ ไม่ควรทานโกโก้ในลักษณะที่หวานนะครับ และควรมีส่วนผสมของโกโก้อย่างน้อย 72% ซึ่งยิ่งปริมาณโกโก้สูงเท่าไร สารต้านอนุมูลอิสระก็จะยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น

สามารถทานโกโก้ได้เท่าไหร่?

โกโก้ตามธรรมชาติมีจะมีคาเฟอีนในปริมาณที่ต่ํา ผงโกโก้หนึ่งช้อนโต๊ะอาจมีคาเฟอีนประมาณ 12 มิลลิกรัม เปรียบเทียบกับกาแฟ 8 ออนซ์มักจะมีคาเฟอีนประมาณ 100 มิลลิกรัม แม้ว่าโกโก้จะไม่มีปริมาณคาเฟอีนที่มากเกินไป แต่การบริโภคในปริมาณที่มากเกินไป ก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้

ผลข้างเคียงของโกโก้

โดยทั่วไปแล้วโกโก้ควรที่จะบริโภคในปริมาณปานกลาง ผลข้างเคียงของการบริโภคโกโก้ที่เป็นไปได้คล้ายกับผลข้างเคียงที่เกี่ยวข้องกับอาหารจากพืชส่วนใหญ่ เช่น คลื่นไส้ ปวดหัว ผลข้างเคียงอีกประการหนึ่งคืออัตราการเต้นของหัวใจที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากปริมาณคาเฟอีนของโกโก้แต่อาการนี้จะพบได้ยากกว่า

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *